ฉัน: บทบาทผู้ฟัง ในวันที่ต้องสร้างเสียง
- chamamaskae
- Dec 25, 2020
- 1 min read
Updated: Dec 27, 2020
เป็นเรื่องที่ยากในการเขียนประสบการณ์การฟัง ในขณะที่ฉันเป็นผู้สร้างเสียง และก็เป็นเรื่องที่ยากกว่ามากที่จะต้องอ่านเป็นเสียงของตนเองให้ตนเองได้ยิน ประสบการณ์ส่วนนี้ฉันอยากให้เป็นการส่งต่อประสบการณ์เสียงที่เงียบที่สุดและจะเกิดการฟังเพียงแค่ในใจของแต่ละคนเท่านั้น
“ฉันชอบฟังดนตรีมาก” ราวกับว่านั่นคือเสียงของฉัน จนตอนนี้ความรู้สึกนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และก็คงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ในขณะที่ฉันเป็นผู้เล่น เล่นฉันกลับไม่รู้สึกขนาดนั้นเสียเท่าไหร่ ในขณะที่เครื่องดนตรีอยู่เพียงใต้คางของฉันแค่เสียงนั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกอยู่ไกลขึ้นทุกที เมื่อฉันเล่นฉันแทบจะเคยได้ยินเสียงเดิมที่ฉันเคยชอบ อ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจจะไม่เข้าใจโดยเฉพาะนักดนตรีดีเด่นทั้งหลาย ฉันอยากให้ผู้อ่านลองเปิดใจในการฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นคนหูหนวกในแง่ของนักดนตรี
ฉันเล่นดนตรีมาตลอด ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันในบทบาทของผู้ฟังและผู้เล่น ปีที่แล้วหลังจากที่ฉันเรียนดนตรีอย่างจริงจังในรั้วมหาลัยเป็นเวลา 4 ปี ในการเล่นหลายครั้งฉันเป็นคนที่ไม่มั่นใจในการฟังของตนเอง หลังจากเรียนจบแทบจะเป็นครั้งแรกที่อย่างน้อยดนตรีที่ฉันเล่นก็ทำให้ฉันฟังตนเองเป็นครั้งแรก เสียงนั้นบอกกับฉันว่า “ห่างกันสักพักได้มั้ย”
1 ปีแรกที่ฉันเรียนจบฉันมีความสุขมากฐานะผู้ฟัง กับสถานะ “ห่างกันสักพัก” กับดนตรี ฉันคิดว่านั้นคือการหยุดนิ่งจนเกือบเดินถอยหลังของความสัมพันธ์แต่ในขณะเดียวกัน ฉันรู้สึกใกล้กับบทบาทผู้ฟังมากขึ้นและนี่รึเปล่าคือสิ่งที่นักดนตรีอย่างที่เขาว่าควรมีตลอด เทอมที่ผ่านคือการกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง ฉันรู้สึกราวกับว่าการเจอกับดนตรีครั้งนี้ฉันโตขึ้นมากกว่าเดิม
จุดประสงค์สำหรับการเล่นในเทอมนี้ไม่ใช่การพัฒนาในเส้นทางสู่เส้นทางมืออาชีพ สำหรับฉันมันคือการถามตัวเองและฟังตัวเองนับล้านครั้งว่า ฉันได้ยินอะไร? จากดนตรีของฉัน มันทำให้ฉันค้นพบว่า แม้ความคิดของฉันในช่วงเวลาที่ฉัน “ห่างกันสักพัก” จะเปลี่ยนไปแต่ฉันก็ยังรักดนตรีเหมือนเดิม แต่การรับรู้ดนตรีของฉันไม่เหมือนกับประสบการณ์กับนักดนตรีคนอื่น ๆ เลย หลายครั้งที่ฉันผิดหวังและโทษตนเองในการเล่นครั้นอดีตนั้นเพราะฉันไม่ได้ยินเสียงตนเองมากพอ ในตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันไม่ใช่นักดนตรีที่เล่นอะไรก็ได้ เพราะสำหรับฉันทุกอย่างที่จะทำ ทุกเสียงฉันต้องใช้ passion อย่างสูง สูงจนนักดนตรีที่เอนจอยกับการเล่นโน้ตอะไรก็ด้บนสแตนอาจจะไม่มีวันเข้าใจเลย ที่ผ่านมา passion ของฉันปลิวลอยไปกับสายลม ฉันจมอยู่กับการยืม passion ของวันพรุ่งนี้มาใช้กับดนตรีที่อยู่ข้างหน้า นั้นทำให้ฉันเหี่ยวเฉากับความรู้สึก ในวันที่passionล่วงหน้ายืมไม่ได้อีกต่อไป
ในวันนี้ฉันรู้ตัวแล้ว ฉันจะไม่มีทางไม่เลิกเล่นดนตรี ขออภัยที่ผ่านมาฉันเป็นผู้ฟังที่ดีกับดนตรีที่ฉันรัก เป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนอื่น แต่ฉันกลับเป็นผู้ฟังที่แย่ของตนเอง วันนี้ดนตรีพาฉันมาไกลกว่าเก่าจนเด็กเมื่อ 1 ปีที่แล้วไกลลิบ ฉันจะจริงใจกับการสร้างเสียงทุกเสียงหลังจากนี้ ในทุกนาทีแห่งการสร้างเสียงให้มีpassion โดยไม่ยืมวันข้างหน้าอีกต่อไป เมื่อนั้นหากดนตรีของฉันไม่ถูกใจใครก็ไม่มีปัญหาเพราะอย่างน้อยฉันก็ได้รับการเป็นผู้ฟังที่ดีจากตัวของฉันเองแล้ว ที่ผ่านมาฉันให้อภัย
Comments