อุปสรรคของการฟัง

เพราะฉะนั้นการฟังที่ดีจึงไม่ใช่การตั้งใจฟังเสียงใดเสียงหนึ่ง แต่คือการฟังเสียงโดยรอบอย่างเท่าเทียมอย่างเป็นเสียงหนึ่งในโลกใบนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนเช่นเดียวกับเสียงที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามช่วงเวลาและมนุษย์มีความต้องการและกิจวัตรเปลี่ยนไป Kate Murphy กล่าวเพิ่มเติมช่วงหนึ่งในหนังสือชื่อ “ ศิลปะการฟังที่สาบสูญ, ทำไมเราไม่ฟังกัน: สิ่งที่หล่นหายเมื่อเราไม่ตั้งใจฟัง” ไว้ว่า “แม้กระทั่งในยุคที่มีข้อมูลอย่างล้นเหลือเราก็ยังจำเป็นต้องฟังเพื่อทำความเข้าใจ”

เมื่อเราเกิด โลกแวดล้อมไปด้วยเสียง จน ความเงียบกลายเป็นความเชื่อเพียงเท่านั้น เสียงบอกเล่ถึงวัฒนธรรมและอัตลักษณฺ์ที่แตกต่าง สะท้อนเบื้องหลังความเป็นมาของมนุษย์ที่ต่างกัน โลกไม่ได้ห้อมล้อมเพียงแค่เสียงแต่รวมไปถึงผู้คน สังคม และอื่น ๆ อีกหลายปัจจัย วัฒนธรรมในชีวิตส่งผลในเรื่องของการฟังเราจะเห็นได้ว่า วัฒนธรรมของเราทำให้การฟังเป็นเรื่องยาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด เพราะหลายคนมีประสบการณ์การถูกละเมิดหรือถูกทอดทิ้งขณะเติบโตขึ้นมา เนื่องจากคาดว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ก็ดูถูก พวกเขาจึงพัฒนาการวิธีการต่อต้านการฟังขึ้นมา โดยการไม่สนใจหรือไม่ก็พูดสวนกับคนอื่นแบบไม่รู้ตัว การฟังคือกระบวนหนึ่งของการสื่อสาร จึงทำให้เราพบว่าผู้คนหลายคนตกหล่นในการฟังทำให้การสื่อสารนั้นเป็นไปได้ยากมากขึ้น ทำให้เราเห็นถึงปัญหาของสังคมปัจจุบันที่มากกว่าการบกพร่องในการได้ยิน แต่เป็นการที่เราละเลยการฟังสิ่งที่เกิดขึ้รอบตัว ทั้งในอดีตและปัจจุบันปฎิเสธไม่ได้ว่าโลกขับคลื่อนได้เพราะการสื่อสาร การสื่อสารนำไปสู่การร่วมกันหรือเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์มากขึ้น การฟังเป็นปัจจุยสำคัญอย่างยิ่ง จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโลกนี้เต็มไปด้วยผู้พูดโดยไม่เหลือผู้ฟังสักคนเดียว

อ้างอิง: Kate Murphy, ไอริสา ชั้นศิริ (แปล), ศิลปะการฟังที่สาบสูญ, ทำไมเราไม่ฟังกัน: สิ่งที่หล่นหายเมื่อเราไม่ตั้งใจฟัง, P. 40, 106

รูป: https://medium.com/@bevlinkup/why-do-people-who-dont-listen-have-so-many-friends-617a42ac09ed