Spiral Experience
Spiral คือผลงานจากการตีความเพลงของฉัน ลายเส้นที่ขดม้วนแต่แฝงไปด้วยองค์ประกอบมากมายมากกว่านั้น spiralอาจเป็นอนาคตของวงกลมหลายๆวงที่มาเจอกัน เกิดการคาบเกี่ยว ประติดประต่อ แม้แต่เส้นตรงที่ไร้ซึ่งการขดหรืองอก็อาจถือเป็นส่วนหนึ่งของ spiral เส้นตรงสำหรับฉันคือแกนสำคัญที่ทำให้ spiral เกิดการเคลื่อนไหวมุมวน ในบางครั้งฉันคิดว่า spiral อาจเกิดจากการที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดการ repeat ซ้ำๆ อาจจะเป็นในรูปของตัวเลขหรือตัวอักษรจนกระทั่งเพลงของฉัน เมื่อเกิดการ repeat ของ melody ทำให้เราเห็้นภาพของเพลงนั้นคือ harmony ที่เกิดการหมุนเล่นไปเรื่อยๆ จังหวะอาจคือหมายเลข 1 หรือเส้นแกนของ spiral ในขณะที่ harmony ของบทเพลงคือวงกลมหลายๆวงที่เกิดการ repeat ไปตามความเหมาะสม เมื่อวงกลมหลายๆวงเริ่มหมุนรอบและเป็นเนื้อเดียวกัน spiral ของเหตุการณ์นั้นๆก็จะเกิดขึ้นตามไปด้วย
เป็นที่แน่นอนว่าในชีวิตของเราทุกคนย่อมมีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ spiral ในมุมมองที่แตกต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า spiral นั้นก็สารมรถพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยรูปร่างลักษณะที่มีความใกล้เคียงกับการเกิดของธรรมชาติ หรือ spiral ในมุมกว้างหรือในลักษณะที่ถูกขยายออก พบได้มากในรูปทรงธรรมชาติทั่วไปเช่น ในลายของเปลือนหอยหรือในดอกไม้ต่างๆ เราจะสามารถเห็น spiralที่ถูกขยายออกขากแกนกลางกล้างขึ้นเรื่อยๆจากบริเวณจุดเริ่มต้น
ตัวอย่าง spiral อีกประเภทหนึ่งได้แก่ spiral ที่เกิดจากการสร้างขึ้นโดยมนุษย์ ซึ่งอาจมช้ประดญชน์จากรูปทรง หรือ จากผลลัพธ์ที่เกิดการกาหมุนของ spiral ในรุปแบบต่างๆ โดย spiral ในแบบต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์มักจะมีแกนกลางและถูกล้อมรอบด้วย spiral ยกตัวอย่างเช่น ลูกคิดที่มีเาไว้เพื่อใช้ในการคิดเลขในอดีต ซึ่งลักษณะการออกแบบจะประกอบไปด้วยเส้นตรงและรูปทรงกลมของลูกคิด หรือจะเป็นบันไดในรูปทรงเกลียวที่มีลักษณะคล้ายกับ spiral ในแนวตั้งเช่นเดียวกัลูกคิด โดยประโยชน์ของบันไดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประหยัดพื้นที่ใช้อยในบ้าานหรืออาคารต่างๆที่มีลักษณะเล็ก เพราะบันไดในรูปแบบนี้มักจะใช้เนื้อที่น้อยในการก่อสร้าง เนืองจากเป็นลักษณะที่ตรงขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากบันไดใแบบแกติที่จะใช้นื้อที่กับความยาวของบันไดเพื่อจะใช้ต่อไปให้ถึงอีกชั้นหนึ่ง และนี่คือตัวอย่างการใช้รูปทรง spiral ในการใช้สอยประโยชน์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยมนุษย์
สิ่งต่อไปคือ spiral ในรูปแบบขแงงานฝีมือหรือเกิดจากทักษะการผสมที่เกิดจากความคิดและความเชื่อของมนุษย์ อันได้แก่ ภาพทางด้านซ้ายคือการผสมแป้งทั้ง 2 สีโดยการเอาแป้งทั้ง 2 สีจากรูปทรงสี่เหลี่ยม วางซ้อนกัน แล้วเกิดการทับแล้วเกิดการม้วนเมื่อมองจากแนวนอนเราจะเห็นแป้งเป็นสีดียวนั้นคือสีขาวที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกแตเมื่อเรามองจากมุมสูงจะทำให้เราเห็นถึงสี 2 สีที่เกิดการรวมกันสลับไปมาเป็นหนึ่งเดียวกัน อีกหนึ่งตัวอย่างทางด้านขวานั้นเป็น spiral ที่เกิดจากความเื่อและฝีมือของมนุษย์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับธรรมชาติตรงที่ spiral ที่ตามมานั้นเกิดจากการขยายออกจากจุดกึ่งกลาง สิ่งที่เรียกว่าตาข่ายดักฝัน (Dreamcatcher) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งงานหัตถกรรมของชนเผ่าพื้นเมืองในอเมริกาหรือที่เรียกกันว่า เผ่าอินเดียนแดง ซึ่งมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณว่าจะช่วยกรองฝัน ให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายสลายไป ลักษณะของตาข่ายดักฝันหรือเครื่องดักฝันจะเป็นห่วงวงกลม ข้างในถักทอเป็นตาข่าย และด้านล่างจะประดับประดาด้วยขนนก ลูกปัด รวมทั้งเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆอื่นๆ ตาข่ายดักฝันมีที่มาจากอินเดียแดงเผ่าโอจิบวี (Ojibwe) หรือ ชนเผ่าชิปเปวา (Chippewa) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา ชนเผ่าชิปเปวาเชื่อกันว่า แมงมุมมีพลังอำนาจวิเศษที่สามารถทอใยดักจับความฝันได้เหมือนกับที่มันดักจับสัตว์เป็นอาหารนั่นเอง ส่วนตัวอย่างสุดท้ายได้แก่ spiral ที่เกิดจากการปั้นเครื่องปั้นดินเผ่า โดยการหมุนเป็นวงกลมด้วยความเร็วขอเครื่องและการบังคับรูปทรงต่างๆด้วยน้ำหนักมือทำให้เกิดรูปทรงต่างๆกับดินที่มีความนิ่มและเปลี่ยนแปลงรูปทรงโดยง่าย ฉันเห็นว่ารูปทรง spiral นั้นอยู่ที่ตอนที่รูปทรงค่อยๆเริ่มหมุนขึ้นสู่บนด้านบนก่อนที่จะอกมาเป็นหม้อหรือแจกันในรูปทรงต่างๆ
ตัวอย่างต่อไปเป็นการใช้ spiral ในเชิงของสัญลักษณ์ ยกตัวอย่างเช่นสัญลักษณ์ไฟหมุนที่ร้านตัดผม เรียกว่า "บาร์เบอร์ โพล" (barber pole) ถือกำเนิดขึ้นในทวีปยุโรป ยุคที่ช่างตัดผมรวมอยู่ในอาชีพหมอฟันและศัลยพทย์ กระทั่งภายหลังเมื่อการแพทย์มีความชัดเจนในสาขาของตนยิ่งขึ้น สีแดงใน spiral ชิ้นนี้หมายถึงเลือด สีขาวหมายถึงผ้าพันแผล) จากยุโรปไปถึงอเมริกา ช่างตัดผมอเมริกันรักชาติเติมสีน้ำเงินเข้าไปในบาร์เบอร์ โพล ด้วย เป็นสีแดง ขาว น้ำเงิน ตามสีธงชาติสหรัฐอเมริกาบาร์เบอร์ โพล จึงกลายเป็นสื่อสัญลักษณ์สากลของร้านตัดผมในที่สุด หรือจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างได้แก่ สัญลักษณ์ spiral ในยันต์ต่างๆที่เกิดจากความเชื่อในประเทศไทย ซึ่งในแต่ละการขดงอก็มีความหมายแตกต่างันไปอาจหมายถึงสวรรค์หรือตัวอักษรก็อาจจะหมายถึงตัวย่อของบทสวดต่างๆที่ล้วนมีความเชื่อว่าจะขจัดภัยอันตรายแก่ผู้สักได้นั้นเอง
ตัวอย่างสุดท้ายได้แก่ spiralในการสร้างสรรค์เกมคลาสสิกต่างๆ เช่น เกมหาทางออกให้ลูกแก้วในเขาวงกตซึ่ง spiral ในรูปแบบนี้ก็อยู่ในรุูปแบบขแงเขาวงกตนั้นเอง โดยมีการขดวนของเส้นตรงเป็นรูปแบบต่างๆทำให้เส้นตรงไม่ต่อเนื่องเหมือนเดิม และก่อให้เกิดการใช้ความคิดใน การเอาชนะในแต่ละด่าน
